1. ผู้พิชิตคนแรก: วันที่ 1 ตุลาคมเป็นวันแรกของการเปิดฤดูท่องเที่ยว ภูกระดึง ของทุกปี ใครอยากจะเป็นคนแรกที่ขึ้นถึงยอดภู หรือเป็นผู้พิชิต ภูกระดึง กลุ่มแรกของปี ก็ต้องมาวันนี้กันครับ
2. สดใหม่ไร้มลทิน: ป่าทั้งป่า ต้นไม้ใบหญ้าทุกกอทุกใบ สดใสงดงามไม่มีมลทินจากน้ำมือมนุษย์มาตลอด 4 เดือนเต็ม ( รวมทั้งพวกไม้ดอกยังไม่มีพวกนักท่องเที่ยวมักง่าย เหยียบย่ำทำร้าย หรือเด็ดเล่น จะพบเห็นได้ข้างทางทั่วไปครับ )
3. เขียวขจี- พวกไม้บางชนิด พวกที่ต้องอาศัยสภาพฉ่ำน้ำจะยังขึ้นอยู่ทั่วไปครับ พวกมอสจะไม่แค่คลุมหินอย่างเดียว ยังขึ้นคลุมดินจนเหมือนเป็นพรมผืนใหญ่ในบางจุดด้วย ความจริงแหล่งชมพืชพรรณพวกนี้ที่น่าสนใจคือ “ลานพระแก้ว” ที่อยู่ใกล้ ๆ กับผานกแอ่น แต่ช่วง 3-4 ปีหลังมานี้ บริเวณนี้จัดเป็นพื้นที่อันตรายเพราะเป็นเขตช้างป่า เวลาจะไปชมต้องสอบถามเจ้าหน้าที่ หรือมีเจ้าหน้าที่พาไปจะดีที่สุดครับ
4. สวรรค์มาโคร- ใครที่เล่นกล้องไม่ควรพลาด ยิ่งชอบถ่ายภาพระยะใกล้ หรือมาโครนั้น ช่วงนี้มีดอกไม้ที่ยังไม่บอบช้ำ พืชพรรณ เห็ดแปลก ๆ ฯลฯ ลองเอากล้องมาส่องเก็บภาพงาม ๆ เก็บไปบ้างสิครับ
5. ปลายฝนต้นหนาว- อากาศช่วงเดือนตุลาคม ถือว่าเป็นปลายฝนต้นหนาว คือ ฝนเริ่มหมดแล้ว แต่ยังมีตกบ้างเป็นครั้งคราว แต่ก็ยังไม่หนาวลมเหมือนหน้าหนาวที่จะเริ่มเข้าตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป
6. ปลีกวิเวก- ใครที่ไม่ชอบนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ๆ เหมือนหน้าเทศกาล ก็ไม่ควรพลาด ภูกระดึง ในเดือนตุลาครับ เพราะมีนักท่องเที่ยวขึ้นมากันพอสมควร พอที่จะไม่เหงา แต่ไม่มากจนมีปัญหาเรื่องความจอแจเหมือนช่วงเดือนธันวาคม
7. แต่ละเดือนไม่เหมือนกัน- เสน่ห์อีกด้านของ ภูกระดึง คือ แต่ละเดือนไม่เหมือนกันครับ มีสภาพอากาศ และพืชพรรณที่ต่างกันออกไป ช่วงที่ยังมีฝนโปรยฟ้าอยู่นี่ จะมีพวกหมอกให้ชม ไม่แน่ถ้าโอกาสเหมาะ ๆ อาจเจอเดินขึ้นตรงซำกกโดนแล้วมีหมอกคลุมจนมองไม่เห็นทางเลยก็มี
8. ชมน้ำตก- สมัยนี้เมืองไทยหน้าแล้งเยอะ ทำให้น้ำตกบนภูแล้งน้ำเร็วกว่าปกติ ดังนั้นเดือนตุลาคม จึงเป็นอีกเดือนที่พอจะอุ่นใจได้ว่ายังเห็นภาพน้ำตกงาม ๆ สวย ๆ บนยอดภูได้อยู่